สูตรเดินเงินบาคาร่า เปิด 4 สูตรลับ ใช้ง่าย กำไรชัวร์
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบาคาร่าที่ได้ชื่อว่าเป็นเกมที่มีความโปร่งใส มีความยุติธรรมสูง แถมยังมีความเสี่ยงต่ำแบบสุด ๆ เล่นง่าย กำไรดี แม้จะไม่มีพื้นฐานมาก่อน กลับมีคนทำกำไรได้เพียงแค่หยิบมือเท่านั้น แถมยังมีกระแสออกมาอีกว่าโดนเว็บบาคาร่าโกงจนหมดตัว ทว่าข้อเท็จจริงที่คนเหล่านั้นไม่กล้าพูดถึงและคนที่เล่นได้ไม่มีเวลามาพูดด้วยก็คือ สูตรเดินเงินบาคาร่า ที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ บอกได้เลยว่านี่คือกุญแจดอกสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน ว่าแต่มันคืออะไร มันดีแค่ไหน แล้วมีสูตรไหนน่าใช้บ้าง ไปดูกันเลยครับ
ทำไมต้องใช้ สูตรเดินเงินบาคาร่า
ความผิดพลาดของนักพนันหน้าใหม่ส่วนใหญ่ก็คือไม่มีการใช้สูตรเดินเงิน ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญอย่างมากที่จะช่วยรักษาเงินทุนเอาไว้เมื่อผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามแผน บางสูตรยังสามารถใช้แก้ไขสถานการณ์ได้อีกด้วย แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะมองข้ามเพียงเพราะคิดว่าบาคาร่าเป็นเกมที่เล่นง่าย จบเร็ว สามารถทำกำไรได้ไว อยากลงเงินแค่ไหนก็ลงไปเลยไม่ต้องคิด
ที่จริงแล้วบาคาร่าก็เหมือนเกมพนันอื่น ๆ คือมีค่า House Edge เหมือนกัน จริงอยู่ว่ามันจะส่งผลให้คาสิโนได้เปรียบในระยะยาว แต่ถ้าเราเล่นในตำแหน่ง Banker หรือ Player ที่มีอัตราจ่าย 1 : 1 ถึงจะมีความเสี่ยงต่ำแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำกำไรได้ในระยะสั้น แน่นอนว่ายิ่งเล่นนานเราก็จะมีโอกาสเสียเปรียบคาสิโนมากขึ้นเรื่อย ๆ จาก 50% เป็น 25%, 12.5%, 6.25%, 3.125% นี่แค่เล่น 5 ตาเองนะ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องใช้สูตรเดินเงินเข้าช่วย เพราะเราต้องการทำกำไรในระยะสั้นนั่นเอง
สูตรบาคาร่ามาร์ติงเกล (Martingale)
สูตรเดินเงินมาร์ติงเกล สูตรบาคาร่ามาร์ติงเกล นี้จัดว่าเป็นสูตรยอดนิยมอันดับหนึ่ง และนักเดิมพันหน้าใหม่มักจะเลือกใช้เป็นสูตรแรก ๆ เพราะความสามารถของมันก็คือการดึงเอาเงินทุนที่เสียไปกลับคืนมาพร้อมกับกำไรของตาแรกที่เสีย วิธีการใช้ก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่ทบเดิมพันเข้าไปเป็น 2 เท่าของตาที่เสียก็พอ การใช้สูตรนี้เราจะทำการทบเดิมพันสูงสุดเพียงแค่ 5 ตาเท่านั้น หรือที่เรียกกันว่า “5 ไม้” โดยวิธีใช้ก็คือ
ตาที่ 1 วางเดิมพัน 10
- หากแพ้ เสียทุน 10 บาท รอเล่นตาถัดไป
- หากชนะ ได้กำไร 10 บาท แล้วจบรอบได้เลย
ตาที่ 2 วางเดิมพัน 20
- หากแพ้ เสียทุนรวม 30 บาท รอเล่นตาถัดไป
- หากชนะ ได้กำไร 20 บาท หักทุนที่เสียในตาแรก 10 บาท เหลือกำไร 10 บาท แล้วจบรอบได้เลย
ตาที่ 3 วางเดิมพัน 40
- หากแพ้ เสียทุนรวม 70 บาท รอเล่นตาถัดไป
- หากชนะ ได้กำไร 40 บาท หักทุนรวมที่เสียไป 30 บาท เหลือกำไร 10 บาท แล้วจบรอบได้เลย
ตาที่ 4 วางเดิมพัน 80
- หากแพ้ เสียทุนรวม 150 บาท รอเล่นตาถัดไป
- หากชนะ ได้กำไร 80 บาท หักทุนรวมที่เสียไป 70 บาท เหลือกำไร 10 บาท แล้วจบรอบได้เลย
ตาที่ 5 วางเดิมพัน 160
- หากแพ้ เสียทุนรวม 310 บาท แล้วจบรอบได้เลย
- หากชนะ ได้กำไร 160 บาท หักทุนรวมที่เสียไป 150 บาท เหลือกำไร 10 บาท แล้วจบรอบได้เลย
ข้อดีของสูตรมาร์ติงเกล
- ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- มีโอกาสสูงที่จะได้รับเงินทุนคืนมาในระยะเวลาสั้น ๆ
- นอกจากจะได้ทุนคืนมาครบแล้วยังได้กำไรอีกด้วย
ข้อเสียของสูตรมาร์ติงเกล
- ต้องมีเงินทุนตั้งต้นสูง
- มีโอกาสเสียเงินทุนก้อนโตได้ หากทักษะการอ่านเค้าไพ่ไม่ดีพอ
- มีโอกาสได้เงินทุนคืนไม่ครบ หากเริ่มต้นตาแรกด้วยเงินทุนที่สูง เพราะตาหลัง ๆ อาจลงเงินได้แค่เดิมพันสูงสุดที่โต๊ะกำหนดไว้
สูตรบาคาร่าฟิโบนาชี่ (Fibonacci)
หลักการบริหารเงินทุนด้วยฟิโบนาชี่เป็นการประยุกต์เอาหลักคณิตศาสตร์เข้ามาใช้ในการลงทุน สูตรนี้นิยมใช้กันทั้งในวงการพนันและหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรพร้อมกับลดความเสี่ยงที่จะเสียเงินทุนด้วย สูตรฟิโบนาชี่จะมีความจะมีวิธีการใช้คล้ายกับสูตรเดลองเบที่เป็นการเพิ่มเงินเดิมพันเมื่อแพ้และลดเงินเดิมพันเมื่อชนะ แต่ว่าฟิโบนาชี่จะมีสเตปที่แตกต่างกันไปคือเมื่อเราแพ้จะเพิ่มเดิมพันไปตามสเตปคือ 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13,21,34 และ 55 ตามลำดับ หากชนะจะถอยหลังมาทีละ 2 สเตป เช่น ชนะที่จุด 13 ตาต่อไปจะลงเงินแค่ 5 เป็นต้น
ข้อดีของสูตรฟิโบนาชี่
- มีโอกาสสูญเสียเงินน้อยมากเมื่อเทียบกับสูตรอื่น
- ช่วยให้การติดลบจำนวนมาก ๆ กลายเป็นติดลบน้อยลงเรื่อย ๆ และทำกำไรได้ในที่สุด
- แม้ว่าจะทำกำไรได้น้อย แต่ก็ทำกำไรได้ในระยะยาว
- ลดความเสี่ยงที่จะเสียเงินทุนก้อนโต
ข้อเสียของสูตรฟิโบนาชี่
- ใช้เวลาทำกำไรนาน อาจแพ้ทางให้กับค่า House Edge ได้ในระยะยาว
- เมื่อใดที่เสียหลายตาติดกัน โอกาสที่จะชนะน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้ระยะเวลาคืนทุนนานตามไปด้วย
- เหมาะกับคนที่มีเวลาเล่นอย่างจริงจังเท่านั้น
สูตรบาคาร่าเดลองเบ (dAlembert)
เรียกได้ว่าเป็นสูตรลูกผสมระหว่างมาร์ติงเกลกับฟิโบนาชี่ที่เน้นความสมดุล ด้วยหลักการทำงานง่าย ๆ คือหลังจากที่แพ้จะทำการเพิ่มเงินเดิมพันเข้าไปทีละ 1 หน่วย เมื่อใดก็ตามที่ชนะจะลดเดิมพันลง 1 หน่วยเช่นกัน ทำให้สูตรนี้มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเหมือนกับฟิโบนาชี่ ขณะเดียวกันก็สามารถทำกำไรได้ในระยะสั้นเช่นเดียวกับมาร์ติงเกล โดยสูตรเดลองเบจะทำงานได้ดีในเกมที่มีโอกาสแพ้ชนะ 50/50 เหมาะที่จะใช้ในจังหวะที่เกิดเค้าไพ่ปิงปองมากกว่าเค้าไพ่รูปแบบอื่น
ข้อดีของสูตรเดลองเบ
- หลักการไม่ซับซ้อน เล่นง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- ไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนตั้งต้นมากก็ใช้ได้
- คืนทุนไว ได้กำไรเร็ว
ข้อเสียของสูตรเดลองเบ
- หากเป้าทำกำไรใหญ่เกินไป จะใช้เวลาค่อนข้างนาน
- ไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาเล่น
- มีโอกาสเสียเงินก้อนใหญ่หากตั้งหน่วยเดิมพันไว้สูงเกินไป
สูตรบาคาร่า 1324
สูตรนี้ถูกยกให้เป็นสูตรที่ดีที่สุดและเหมาะกับมือใหม่มาก ๆ เพราะมีหลักการเดินเงินที่ชัดเจน ด้วยแนวคิดที่ว่าหากชนะเดิมพันได้ 1 หากแพ้เดิมพันเหลือ 0 โดยจังหวะที่ใช้จะต้องสอดคล้องกับการออกไพ่ในฝั่ง Banker และ Player เท่า ๆ กัน เช่น Banker 45%, Player 45%, Tie 10% ทว่าสูตรนี้มีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่งที่ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจก็คือ ห้ามแทงฝั่งเสมอเด็ดขาด สำหรับการใช้สูตร 1324 จะแบ่งการเล่นเป็น 4 ตา ดังนี้
ตาที่ 1 วางเดิมพัน 10
- หากแพ้ เสียทุน 10 บาท
- หากชนะ ได้กำไร 10 บาท รอเล่นตาต่อไป
ตาที่ 2 วางเดิมพัน 30
- หากแพ้ เสียทุน 20 บาท กับกำไร 10 บาท ที่ได้จากตาแรก
- หากชนะ ได้กำไรสะสม 40 บาท รอเล่นตาต่อไป
ตาที่ 3 วางเดิมพัน 20
- หากแพ้ เสียกำไร 20 บาท เหลือกำไรอีก 20 บาท
- หากชนะ ได้กำไรสะสม 60 บาท รอเล่นตาต่อไป
ตาที่ 4 วางเดิมพัน 40
- หากแพ้ เสียกำไร 40 บาท เหลือกำไร 20
- หากชนะ ได้กำไรสะสม 100 บาท
ข้อดีของสูตร 1324
- ความเสี่ยงต่ำ โอกาสทำกำไรสูง
- ใช้เวลาเล่นน้อย เหมาะกับการเล่นทำกำไรในระยะสั้น
- ทุนน้อยก็เล่นได้ ไม่มีปัญหา
- การันตีกำไรขั้นต่ำ 2 หน่วย เมื่อชนะติดกันสองตา และทำกำไรสูงสุด 10 เท่า เมื่อชนะติดกัน 4 ตา
ข้อเสียของสูตรมาร์ติงเกล
- ต้องชนะติดกันสองตาถึงจะได้กำไร
- ไม่สามารถพลิกแพลงสูตรได้ เสียแล้วเสียเลย ไม่มีการดึงทุนคืน
ได้รู้จักสูตรต่างๆในการเล่นบาคาร่ากันไปแล้ว สูตรบาคาร่ามาร์ติงเกล (Martingale), สูตรบาคาร่าฟิโบนาชี่ (Fibonacci), สูตรบาคาร่าเดลองเบ (dAlembert), สูตรบาคาร่า 1324 ซึ่งสูตรต่างๆเหล่านี้เอาไปใช้เล่นบาคาร่าในเว็บอันดับ1 เว็บตรงต่างๆได้เป็นอย่างดี ยังไงก็ตามถ้าเลือกเล่นบาคาร่าขอให้เล่นอย่างมิสติ และขอให้ชนะทุกเกม